12.04.2553

Honda CBR150R หัวฉีด PGM-FI

มอเตอร์ไซค์ Honda CBR150R ฮอนด้า ซีบีอาร์ 150 ซีซี หัวฉีด PGM-FI

มอเตอร์ไซค์ Honda CBR150R ฮอนด้า ซีบีอาร์ 150 ซีซี หัวฉีด PGM-FI

มอเตอร์ไซค์ Honda CBR150R ฮอนด้า ซีบีอาร์ 150 ซีซี หัวฉีด PGM-FI พัฒนาขึ้นเพื่อตลาดรถจักรยานยนต์ประเทศไทยโดยเฉพาะ เป็นตัวแรกของประเทศไทยเลยครับ

มอเตอร์ไซค์ Honda CBR150R ฮอนด้า ซีบีอาร์ 150 ซีซี หัวฉีด PGM-FI

มอเตอร์ไซค์ Honda CBR150R ฮอนด้า ซีบีอาร์ 150 ซีซี หัวฉีด PGM-FI ตัวนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 150 ซีซี หัวฉีด PGM-FI ใช้เครื่องยนต์ DOHC 4 วาล์ว 6 เกียร์ ระบายความร้อนด้วยน้ำพร้อมพัดลมไฟฟ้าอัตโนมัติ ที่ใหญ่ขึ้นจากรุ่นก่อนคือ ถังน้ำมันขนาดใหญ่ ที่จุน้ำมันได้มากขึ้นถึง 13 ลิตร ที่เปิดตัวในประเทศไทยเรา 3 สีได้แก่
Honda CBR150R Sporty R.W.B (แดง-ขาว-น้ำเงิน)
Honda CBR150R X-Treme RED (แดง) ออกแนวสปอร์ตดุดัน
Honda CBR150R Night Black (ดำ) สปอร์ตมาดเข้ม

มอเตอร์ไซค์ Honda CBR150R ฮอนด้า ซีบีอาร์ 150 ซีซี หัวฉีด PGM-FI

Honda CBR150R จะเผยโฉมอย่างเป็นทางการ และเปิดให้ทดลองขับที่งาน “Big Fun Fest by Honda”ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน (หัวหมาก) เมื่อ 30 ตุลาคม 53

ราคาขาย 75,900 บาท เริ่มวางจำหน่าย 10 พฤศจิกายน 2553

มอเตอร์ไซค์ Suzuki GSX 1250FA ปี 2011

Suzuki เปิดตัว GSX 1250FA รุ่นปี 2011 ที่งาน Las Vegas Dealer Meeting สหรัฐอเมริกา โดยมีกำหนดการจำหน่ายในเดือนมกราคมปีหน้า ซึ่ง Suzuki GSX 1250FA รุ่นใหม่นี้มีการติดตั้งระบบเบรค Digital ABS โดยดิสก์เบรคหน้าคู่เป็นแบบ Fully Floating เบาะนั่งแบบปรับระดับได้ถึง 20 มิลลิเมตร ถังน้ำมันมีความจุ 5 แกลลอนซึ่งจะช่วยทำให้ขี่ได้ไกลขึ้น เครื่องยนต์เป็นแบบ 4 สูบ แถวเรียง 1,255 ซีซี

มอเตอร์ไซค์ Suzuki GSX 1250FA ปี 2011

มอเตอร์ไซค์ Suzuki GSX 1250FA ปี 2011

Suzuki เปิดตัว GSX 1250FA รุ่นปี 2011 ที่งาน Las Vegas Dealer Meeting สหรัฐอเมริกา โดยมีกำหนดการจำหน่ายในเดือนมกราคมปีหน้า ซึ่ง Suzuki GSX 1250FA รุ่นใหม่นี้มีการติดตั้งระบบเบรค Digital ABS โดยดิสก์เบรคหน้าคู่เป็นแบบ Fully Floating เบาะนั่งแบบปรับระดับได้ถึง 20 มิลลิเมตร ถังน้ำมันมีความจุ 5 แกลลอนซึ่งจะช่วยทำให้ขี่ได้ไกลขึ้น เครื่องยนต์เป็นแบบ 4 สูบ แถวเรียง 1,255 ซีซี

2011-suzuki-gsx1250fa-2

Suzuki GSX 1250FA รองรับการขับขี่ในแบบทัวร์ริ่งไปจนถึงการขับขี่ในแนวสปอร์ต มีคู่แข่งสำคัญคือ Honda VFR1200F รุ่นปี 2010 และ Kawasaki Ninja 1000 รุ่นปี 2011 รูปลักษณ์ดูดุดันด้วยแฟริ่งโหดๆแบบเต็มตัว โดยมีอุปกรณ์เสริมต่างๆเช่น ชิลด์บังลม กล่องจุสัมภาระด้านข้างและด้านบน โดย Suzuki ตั้งราคาขายปลีก GSX 1250FA ในอเมริกาไว้ที่ 11,599 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนสเปคตามรายละเอียดด้านล่างนี้ครับ

2011-suzuki-gsx1250fa-3

Engine: Liquid-cooled, DOHC Inline Four

Bore x Stroke: 79.0 x 64.0mm
Displacement: 1255cc
Compression Ratio: 10.5:1
Fueling: EFI
Transmission: Six-speed
Final Drive: Chain
Front Suspension: 43mm fork, 5.1 inches travel
Rear Suspension: Single shock, adjustable for preload, 5.4 inches travel
Front Brakes: Dual 310mm disc, four-piston calipers Rear Brakes: Single 240mm disc, single-piston calipers

Fuel Tank: 5.0 gallons
Wheelbase: 58.5 inches
Seat Height: 31.7 inches / 32.5 inches
Curb Weight: 567 pounds

ที่มา: mortorcyc.in.th

11.13.2553

Honda Rune

Honda Rune นั้นเป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีตะวันออกผนวกกับรูปแบบดีไซน์ของตัวรถแบบ ฝั่งตะวันตกเป็นงานออกแบบที่แตกต่างไปจากครูสเซอร์อื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด เป็นงานที่ท้าทายสายตาเป็นอย่างยิ่ง และสำหรับรุ่นนี้เป็นเจนเนอเรชั่นต่อจากรุ่น Valkyrie ซึ่งในครั้งนั้นก็ทำให้ฮอนด้าได้ชื่อว่าผลิตครูสเซอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกออก มาจนเป็นที่ฮือฮากันทั้งวงการ เมื่อมาถึงรุ่นนี้ฮอนด้าได้สร้างสีสันใหม่ให้กับวงการอีกครั้งด้วยดีไซน์ที่ โดดเด่นไม่เหมือนใคร
ก่อนที่งานชิ้นนี้ออกมามันมีการพัฒนามาเป็นขั้นตอน ในช่วงระยะเวลาเกือบสิบปีที่ผ่านมา โดยรุ่นนี้ใช้เส้นสายแบบเดียวกับคันต้นแบบในรุ่น Zodia ซึ่งออกมาในปี 1995 ในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ สำหรับรุ่น Zodia เป็นการนำเสนอแนวทางใหม่ๆ ในการเปลี่ยนแปลงมอเตอร์ไซค์ประเภทครูสเซอร์ด้วยการใช้ความไฮเทคทางด้าน วิศวกรรม และสไตล์ในเส้นสายแบบย้อนยุค พร้อมกับช็อควงการด้วยการใช้ช่วงล่างด้านหน้าแบบ trailing-link และด้านหลังใช้สวิงอาร์มเดี่ยว ซึ่งนำมาใช้อยู่ในรุ่น Rune นี้ด้วย ส่วนเครื่องยนต์เป็นขนาด 1,500 ซีซี. V-twin โอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ส่งกำลังไปขับเคลื่อนที่ล้อหลัง และใช้เกียร์ใหม่ hydro-mechanical automatic transmission กับ HFT (Human Fitting Transmission) ระบบเบรกใช้จานเบรกยึดติดกับขอบล้อด้วยเทคโนโลยีล่าสุดของฮอนด้า (Linked Braking/Antilock Braking System)

ต่อมาเป็นรุ่น T-Series Concepts โดยหลังจากสามปีที่รุ่น Zodia ได้ถูกแนะนำตัวออกมาครั้งแรก ฮอนด้าจึงได้เปิดเผยถึงต้นแบบคันต่อมา โดยเป็นผลงานจาก HRA (Honda Research America) และมีต้นแบบออกมาทั้งหมด 4 รุ่น เริ่มจาก T1 ใช้เครื่องยนต์ของ Gold Wing เป็นแบบ 6 สูบนอนยันออกโชว์ตัวครั้งแรกในช่วงปลายปี 1998 โดยใช้แนวทาง hot-rod แสดงถึงพละกำลัง เฟรมแบบทวินสปาร์สีเดียวกับตัวรถ ส่วนสวิงอาร์มเป็นอลูมินั่มหล่อ บังโคลนท้ายคล้ายกับในรุ่น VTX ซึ่งเฉือนให้สั้นและรวมไฟท้ายแบบ LED เข้าไว้เป็นส่วนเดียวกัน ถังน้ำมันและเบาะนั่งมีเส้นสายสอดรับกันพอดีแบบรุ่น VTX จุดยึดแฮนด์รวมอยู่กับมาตรวัดดูแปลกไปอีกแบบ ท่อไอเสียที่สื่อถึงความทรงพลัง ช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบโปร-อาร์ม โชคอัพเดี่ยว

รุ่นต่อมาคือ T2 เป็นการรวมระหว่าง neo/retro โดยใช้บังโคลนขนาดใหญ่ ถังน้ำมันเรียวยาว ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ เฟรมแบบอลูมินั่มทวินสปาร์ และช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบโปร-อาร์มพร้อมสวิงอาร์มแบบเดี่ยว ท่อไอเสียขนาดใหญ่ออกแบบให้เข้ารูปลงตัวในแต่ละข้างของตัวรถ ช่วงล่างด้านหน้าแบบ trailing-link ไฟหน้าสองดวงในแบบโปรเจ็คเตอร์ซึ่งทำให้หน้าตาดูแตกต่างและแก๊ปด้านบนของโคม ไฟหน้าเป็นโครเมี่ยม มาตรวัดติดตั้งอยู่ตรงส่วนกลางของแฮนด์ทรงปีกนก ไฟท้ายและไฟเลี้ยวเป็นแบบ LED

มาถึงรุ่น T3 เป็นสไตล์ตัวแข่งแดร็กไบค์ให้อารมณ์เหนือกว่าครูสเซอร์ธรรมดา โดยเฉพาะสคู๊ปดักอากาศทั้งสองข้างให้อารมณ์ดิบๆ ได้ดี มุมเอียงของแกนชอคอัพหน้ามีมากขึ้น ท่อไอเสียเห็นปลายข้างละสามท่อชัดเจน บังโคลนหน้าหลังสั้นๆ เล็กๆ แฮนด์เป็นสไตล์แดร็กมาตรวัดอยู่สูงเห็นชัดเจน ยาหลังใช้ขนาดใหญ่ 230/60-16 ล้อหน้าลาย 5 ก้านพร้อมกับยึดจานเบรกเอาไว้กับขอบล้อ

สุดท้ายเป็นรุ่น T4 ซึ่งไม่เหมือนกับสามแบบแรก โดยดีไซน์ได้ดุดัน เฟรมเป็นแบบอลูมินั่มทวินสปาร์ขนาดใหญ่แบ่งออกเป็นสามส่วน สวิงอาร์มแบ่งได้เป็นสามชิ้น ส่วนการขับเคลื่อนที่ล้อหลังใช้เพลา ยางหลังอ้วนใหญ่สไตล์รถแดร็กไบค์ในขนาด 26.0 x 9.0-15

เทคโนโลยี

จากต้นแบบที่ผ่านๆ มาจนกลายมาเป็น Rune ในวันนี้ใช้เวลาอยู่นานพอสมควรซึ่งเมื่อถึงยุคนี้เทคโนโลยีใหม่ๆจึงพบได้ใน รุ่นนี้เช่นกัน ตั้งแต่การปฏิวัติช่วงล่างด้านหลังโดยนำมาจากตัวแข่งโมโตจีพี RC211V ซึ่งเป็นแบบ Unit Pro-Link และนำมาปรับในบางจุดให้เหมาะสมกับการใช้งานบนท้องถนน สำหรับช่วงล่างทางด้านหน้าเป็นแบบ Trailing Bottom-Link โดยการทำงานจะส่งแรงผ่านขึ้นมายังชอคอัพสองตัวที่ติดอยู่ด้านบนใต้แผงคอมี ระยะยุบตัว 99 มม. ระบบรองรับน้ำหนักแบบนี้มีอยู่ในต้นแบบรุ่น Zodia เป็นความก้าวหน้าอีกชิ้นที่ฮอนด้านำมาใช้กับรุ่นนี้

ด้วยโครเมี่ยม หม้อน้ำขนาดใหญ่ด้านหน้ามีที่ครอบสวยงาม และยังมีระบบ RACV (Rotary Air Control Valve) ซึ่งเป็นระบบออโต้โช้คเพื่อควบคุมรอบเดินเบาในหลายๆสภาพและหลายๆ ระดับอุณหภูมิ ท่อไอเสียแบบ 6–2 ออกแบบให้เข้ารูปลงตัว และสุ้มเสียงเร้าใจ คลัทช์แบบไฮดรอลิค ระบบจุดระเบิดอิเล็คทรอนิคส์ และโซ่แคมชาฟท์ซึ่งออกแบบให้ลดการเซอร์วิสลงไปได้มาก อัลเตอร์เนเตอร์มีกำลังสูงถึง 1,100 วัตต์เพียงพอที่จะจ่ายไฟให้กับทุกระบบ การส่งกำลังใช้เกียร์ 5 สปีดในอัตราทดแบบโคลสเรโช และค่าไอเสียที่ออกมาอยู่ในระดับต่ำสามารถผ่านได้แม้ในมาตรฐานของรัฐแคลิ ฟอร์เนีย

สภาพและหลายๆ ระดับอุณหภูมิ ท่อไอเสียแบบ 6–2 ออกแบบให้เข้ารูปลงตัว และสุ้มเสียงเร้าใจ คลัทช์แบบไฮดรอลิค ระบบจุดระเบิดอิเล็คทรอนิคส์ และโซ่แคมชาฟท์ซึ่งออกแบบให้ลดการเซอร์วิสลงไปได้มาก อัลเตอร์เนเตอร์มีกำลังสูงถึง 1,100 วัตต์เพียงพอที่จะจ่ายไฟให้กับทุกระบบ การส่งกำลังใช้เกียร์ 5 สปีดในอัตราทดแบบโคลสเรโช และค่าไอเสียที่ออกมาอยู่ในระดับต่ำสามารถผ่านได้แม้ในมาตรฐานของรัฐแคลิ ฟอร์เนีย

ระบบเบรกด้านหน้าใช้ดิสค์จานคู่ขนาด 330 มม. และด้านหลังขนาด 336 มม. ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่มากสำหรับรถที่ผลิตออกมาจำหน่าย สำหรับคาลิเปอร์ของเบรกหน้าเป็นแบบ 3 ลูกสูบกับเบรกหลังใช้คาลิเปอร์แบบ 2 ลูกสูบ โดยการทำงานตามปกติเมื่อเบรกหน้าคาลิเปอร์ของเบรกหน้าจะทำงาน 2 ลูกสูบแต่เมื่อมีการใช้เบรกหลังลูกสูบในคาลิเปอร์เบรกตรงกลางของเบรกหน้าจะ ทำงานเพื่อให้การเบรกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและนุ่มนวล




ระบบความปลอดภัยฮอนด้าใช้ระบบ H.I.S.S (Honda Ignition Security System) เพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ฮอนด้าได้เพิ่มความสวยงามด้วยโครเมี่ยมในส่วนต่างๆเช่น แม่ปั๊มเบรกหน้า สายเบรก วงล้อและฝาครอบเครื่องยนต์ ไฟหน้าใช้หลอด H7 มีกำลัง 55 วัตต์ ไฟท้ายแบบ LED อยู่ในรูปทรงตั้งเข้ารูปกับบังโคลนท้ายเป็นดีไซน์ที่ดูแตกต่างไปจากเดิมๆ

นับว่า Honda Rune เป็นอีกไลฟสไตล์ของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ประเภทท่องเที่ยวทางไกล ซึ่งคิดว่าน่าจะถูกใจ โดยเฉพาะทางฝั่งยุโรป ซึ่งดูแล้วน่าจะสมส่วนกับตัวรถ แต่จะว่าไปสภาพภูมิประเทศเส้นทางขับขี่ท่องเที่ยวรถจักรยานยนต์บ้านเราก็ เหมาะกับ Honda Rune เหมือนกัน อยากลองสัมผัสซักครั้งจริงๆ เพื่อนๆคิดเหมือนกันหรือปล่าวครับ……

ข้อมูลจำเพาะ

BMW S 1000 RR

BMW S 1000 RR เครื่อง 4 สูบ เฟรมอะลูมิเนียม ระบบความปลอดภัยเพียบทั้งABS และระบบรักษาเสถียรภาพ DTC Dynamic Traction Control
“BMW S 1000 RR เป็นการก้าวเข้าสู่เซ็กเมนต์ซูเปอร์ไบค์ครั้งแรกของบีเอ็มดับเบิลยู อีกทั้งยังเป็นการก้าวเข้าสู่การ แข่งขัน World Superbike Championship โดยทีม BMW Motorrad Motorsport เองด้วย มอเตอร์ไซค์ BMW S 1000 RR เปี่ยมด้วยนวัตกรรมทั้งในด้านสมรรถนะ และความปลอดภัย ด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ 1000 ซีซี 193 แรงม้า และน้ำหนักเพียง 204 กิโลกรัม BMW S 1000 RR จึงมีอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักดีที่สุดคันหนึ่ง นอกจากนี้การกระจายน้ำหนักอย่างสมดุล ระบบช่วงล่างที่เหนือชั้น และระบบเสริมความปลอดภัยแบบ แอกทีฟ เช่น ระบบเบรก Race ABS และระบบรักษาเสถียรภาพ DTC Dynamic Traction Control ทำให้ BMW S 1000 RR เป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีความมั่นคงและปลอดภัยสูงที่สุดคันหนึ่งเลยก็ว่าได้ ส่วน BMW F 800 R ‘The Naked Bike’ ก็มีความพิเศษอย่างมากเช่นกัน ด้วยความปราดเปรียวคล่องตัวอย่างเหนือชั้น ทำให้มันได้เป็นมอเตอร์ไซค์คู่ใจของ คริส ไฟเฟอร์ แชมป์โลกการขับมอเตอร์ไซค์ผาดโผน 4 สมัย และในงานนี้เรายังมีอีก 2 รุ่นที่เป็นที่นิยมสำหรับตลาดเมืองไทยด้วย ได้แก่ BMW R 1200 GS / Adventure และ BMW R 1200 RT ด้วย”
BMW S 1000 RR พัฒนาขึ้นบนคอนเซ็ปต์มอเตอร์
ไซค์แบบซูเปอร์ไบค์ ใช้เครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบบนตัวถังเฟรมอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา มุ่งเน้นที่เสถียรภาพการขับ ความปราดเปรียว และความเฉียบคมในการบังคับที่เป็นเลิศ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับมอเตอร์ไซค์แข่ง ได้รับการติดตั้งระบบเสริมความปลอดภัยต่างๆ เช่น Race ABS และระบบรักษาเสถียรภาพ DTC Dynamic Traction Control ขณะที่ BMW F 800 R เป็นมอเตอร์ไซค์ในเซ็กเมนต์สปอร์ตแบบ Naked Bike ที่เน้นในเรื่องความปราดเปรียวว่องไว บังคับควบคุมง่าย ซึ่ง BMW F 800 R ได้สร้างชื่อในการแข่งขันการขับมอเตอร์ไซค์แบบผาดโผนโดยการเป็นรถคู่ใจของแชมป์โลกการขับมอเตอร์ไซค์ผาดโผน 4 สมัย คริส ไฟเฟอร์
BMW R 1200 GS / Adventure เป็นมอเตอร์ไซค์ในเซ็กเมนต์ Enduro ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมสำหรับตลาด เมืองไทยเป็นอย่างมาก เครื่องสูบนอนแบบบ็อกเซอร์ 2 สูบ 1170 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแบบ DOHC ใหม่ เพิ่มกำลังอีก 5% เป็น 110 แรงม้าที่ 7,750 รอบและแรงบิดสูงสุด 120 นิวตัน-เมตรที่ 6,000 รอบ ส่วน BMW R 1200 RT เป็นมอเตอร์ไซค์ในเซ็กเมนต์ Touring ที่เน้นการขับขี่ทางไกลได้อย่างสะดวก สบายและปลอดภัย ใช้เครื่องสูบนอนบ็อกเซอร์แบบ 2 สูบ 1170 ซีซี 16 วาล์ว DOHC ซึ่งได้รับการปรับเพิ่มกำลังอีก 5% เป็น 110 แรงม้า มาพร้อมกับช่วงล่างแบบ ESA II (Electronic Suspension Adjustment) ซึ่งสามารถปรับความนุ่มนวลให้เหมาะสมกับสภาพถนนและการบรรทุกได้ นอกจากนั้นยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริม เช่น วิทยุ ซีดี และ iPod ได้อีกด้วย

10.30.2553

Big bike จากค่าย BMW

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทยเตรียมเปิดตัวมอเตอร์ไซค์ 4 รุ่นใหม่ ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ประเดิมด้วยซุเปอร์ไบค์คันแรกจากบีเอ็มดับเบิลยู BMW S 1000 RR ตามด้วย BMW F 800 R “The Naked Bike”, BMW R 1200 GS/Adventure และ BMW R 1200 RT
ม.ล. กมลชาติ ประวิตร ผู้จัดการทั่วไป บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย กล่าวว่า BMW S 1000 RR เป็นการก้าวเข้าสู่เซ็กเมนท์ซุเปอร์ไบค์ครั้งแรกของบีเอ็มดับเบิลยู อีกทั้งยังเป็นการก้าวเข้าสู่การแข่งขัน World Superbike Championship โดยทีม BMW Motorrad Motorsport เองด้วย
มอเตอร์ไซค์ BMW S 1000 RR เปี่ยมด้วยนวัตกรรมทั้งสมรรถนะ และความปลอดภัย ด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ 1,000 ซีซี 193 แรงม้า และน้ำหนักเพียง 204 กิโลกรัม BMW S 1000 RR จึงมีอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักดีที่สุดคันหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีการกระจายน้ำหนักอย่างสมดุลและระบบเสริมความ ปลอดภัยแบบแอคทีฟ เช่น ระบบเบรก Race ABS และระบบรักษาเสถียรภาพ DTC Dynamic Traction Control ทำให้ BMW S 1000 RR เป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีความมั่นคงและปลอดภัยสูงที่สุดคันหนึ่ง
ส่วน BMW F 800 R ‘The Naked Bike’ ก็มีความพิเศษอย่างมากเช่นกัน ด้วยความปราดเปรียวคล่องตัวอย่างเหนือชั้น ทำให้มันได้เป็นมอเตอร์ไซค์คู่ใจของ คริส ไฟเฟอร์ แชมป์โลกการขับมอเตอร์ไซค์ผาดโผน 4 สมัย และในงานนี้เรายังมีอีก 2 รุ่นที่เป็นที่นิยมสำหรับตลาดเมืองไทยด้วย ได้แก่ BMW R 1200 GS / Adventure และ BMW R 1200 RT ด้วย”

BMW S 1000 RR

BMW S 1000 RR ซุเปอร์ไบค์คันแรกจากบีเอ็มดับเบิลยูพัฒนาจากแนวคิดมอเตอร์ไซค์แบบซุเปอร์ไบค์ ใช้เครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบบนตัวถังเฟรมอลูมิเนียมน้ำหนักเบา มุ่งเน้นที่เสถียรภาพการขับ ความปราดเปรียว และความเฉียบคมในการบังคับที่เป็นเลิศ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับมอเตอร์ไซค์แข่ง นอกจากนั้น BMW S 1000 RR ยังได้รับการติดตั้งระบบเสริมความปลอดภัยต่างๆ เช่น Race ABS และระบบรักษาเสถียรภาพ DTC Dynamic Traction Control ที่สามารถปรับเลือกโหมดการขับให้ เหมาะสมกับสภาพการใช้งานได้ เช่น โหมด Rain สำหรับถนนเปียก โหมด Sport สำหรับการขับขี่แบบสปอร์ต โหมด Race สำหรับการแข่งขัน และ โหมด Slick สำหรับใช้ในสนามแข่งและใส่ยางแบบสลิ๊คใช้เครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบ 1,000 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ และระบบวาล์วพิเศษที่ผลิตจากวัสดุ ไทเทเนียม สามารถผลิตกำลังสูงสุดถึง 193 แรงม้าที่ 13,000 รอบ และแรงบิดสูงสุด 112 นิวตัน-เมตรที่ 9,750 รอบ และมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรภายใน 2.9 วินาที

BMW F 800 R The Naked Bike
BMW F 800 R เป็นมอเตอร์ไซค์ในเซ็กเมนท์สปอร์ตแบบ Naked Bike ที่เน้นในเรื่องความปราดเปรียวว่องไว บังคับควมคุมง่าย ซึ่ง BMW F 800 R ได้สร้างชื่อในการแข่งขันการขับมอเตอร์ไซค์แบบผาดโผนโดยการเป็นรถคู่ใจของแชมป์โลกการขับมอเตอร์ไซค์ผาดโผน 4 สมัย คริส ไฟเฟอร์
BMW F 800 R ใช้เครื่องยนต์แถวเรียง 2 สูบ 800 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ สามารถผลิตกำลังสูงสุด 88 แรงม้าที่ 8,000 รอบ และแรงบิดสูงสุด 86 นิวตัน-เมตรที่ 6,000 รอบ มีจุดเด่นในเรื่องของการผลิตกำลังขับเคลื่อนในช่วงรอบที่กว้างโดยเฉพาะระหว่างรอบ 5,000-8,000 รอบ ซึ่งทำให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งน้ำหนักตัวถังเพียง 199 กิโลกรัม (รวมน้ำมัน) ทำให้มันเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีความปราดเปรียวสูงที่สุดคันหนึ่ง

BMW R 1200 GS Adventure
BMW R 1200 GS / Adventure เป็นมอเตอร์ไซค์ในเซ็กเมนท์ Enduro ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมสำหรับตลาดเมืองไทยเป็นอย่างมาก ในครั้งนี้ได้มีการปรับปรุงด้านเทคนิค โดยเครื่องสูบนอนแบบบ๊อกเซอร์ 2 สูบ 1,170 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแบบ DOHC ใหม่ เพิ่มกำลังอีก 5% เป็น 110 แรงม้าที่ 7,750 รอบและแรงบิดสูงสุด 120 นิวตัน-เมตรที่ 6,000 รอบ อีกทั้งยังเพิ่มรอบการทำงานสูงสุดเป็น 8,500 รอบ (จากเดิม 8,000 รอบ) ซึ่งทำให้มันมีสมรรถนะและอัตรา เร่งที่ดีขึ้น BMW R 1200 GS มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.7 วินาทีและ 3.95 วินาที สำหรับ BMW R 1200 GS Adventure

BMW R 1200 RT
BMW R 1200 RT เป็นมอเตอร์ไซค์ในเซ็กเมนท์ Touring ที่เน้นการขับขี่ทางไกลได้อย่างสะดวก สบายและปลอดภัย ใช้เครื่องสูบนอนบ๊อกเซอร์แบบ 2 สูบ 1,170 ซีซี 16 วาล์ว DOHC ซึ่งได้รับการปรับเพิ่มกำลังอีก 5% เป็น 110 แรงม้าที่ 7,750 รอบและแรงบิดสูงสุด 120 นิวตัน-เมตรที่ 6,000 รอบ อีกทั้งยังเพิ่มรอบการทำงานสูงสุดเป็น 8,500 รอบ (จากเดิม 8,000 รอบ) พร้อมระบบเกียร์ 6 สปีด สามารถสร้างอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.8 วินาที และเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายใน การเดินทางไกล BMW R 1200 RT มาพร้อมกับช่วงล่างแบบ ESA II (Electronic Suspension Adjustment) ซึ่งสามารถปรับความนุ่มนวลให้เหมาะสมกับสภาพถนนและการบรรทุกได้ นอกจากนั้นยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริม เช่น วิทยุ ซีดี และ iPod ได้อีกด้วย

ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบ รนด์ BMW, MINI และ Rolls-Royce และรถมอเตอร์ไซค์ BMW เรามีเครือข่ายการผลิต 24 แห่งใน 13 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีเครือข่ายจำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ในปีค.ศ. 2009 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปมียอดขายรถยนต์ 1.29 ล้านคันและรถมอเตอร์ไซค์ 87,000 คัน มีรายได้ 50.68 ล้านยูโร และมีพนักงาน 96,000 คนทั่วโลก

ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนั้นเรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยการคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิต และจากความมุ่งมั่นและความพยายามอย่างไม่ลดละ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปจึงได้รับการจัดอันดับให้เป็น The World’s Most Sustainable Car Manufacturer โดยสถาบัน Dow Jones ใน 5 ปีที่ผ่านมา

4.04.2553

chevrolet




chevrolet RVO 1.6 คว้า Car of the Year/ OPTRA Estate CNG รถยอดเยี่ยม 2 ปีซ้อน