ก่อนที่งานชิ้นนี้ออกมามันมีการพัฒนามาเป็นขั้นตอน ในช่วงระยะเวลาเกือบสิบปีที่ผ่านมา โดยรุ่นนี้ใช้เส้นสายแบบเดียวกับคันต้นแบบในรุ่น Zodia ซึ่งออกมาในปี 1995 ในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ สำหรับรุ่น Zodia เป็นการนำเสนอแนวทางใหม่ๆ ในการเปลี่ยนแปลงมอเตอร์ไซค์ประเภทครูสเซอร์ด้วยการใช้ความไฮเทคทางด้าน วิศวกรรม และสไตล์ในเส้นสายแบบย้อนยุค พร้อมกับช็อควงการด้วยการใช้ช่วงล่างด้านหน้าแบบ trailing-link และด้านหลังใช้สวิงอาร์มเดี่ยว ซึ่งนำมาใช้อยู่ในรุ่น Rune นี้ด้วย ส่วนเครื่องยนต์เป็นขนาด 1,500 ซีซี. V-twin โอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ส่งกำลังไปขับเคลื่อนที่ล้อหลัง และใช้เกียร์ใหม่ hydro-mechanical automatic transmission กับ HFT (Human Fitting Transmission) ระบบเบรกใช้จานเบรกยึดติดกับขอบล้อด้วยเทคโนโลยีล่าสุดของฮอนด้า (Linked Braking/Antilock Braking System)
ต่อมาเป็นรุ่น T-Series Concepts โดยหลังจากสามปีที่รุ่น Zodia ได้ถูกแนะนำตัวออกมาครั้งแรก ฮอนด้าจึงได้เปิดเผยถึงต้นแบบคันต่อมา โดยเป็นผลงานจาก HRA (Honda Research America) และมีต้นแบบออกมาทั้งหมด 4 รุ่น เริ่มจาก T1 ใช้เครื่องยนต์ของ Gold Wing เป็นแบบ 6 สูบนอนยันออกโชว์ตัวครั้งแรกในช่วงปลายปี 1998 โดยใช้แนวทาง hot-rod แสดงถึงพละกำลัง เฟรมแบบทวินสปาร์สีเดียวกับตัวรถ ส่วนสวิงอาร์มเป็นอลูมินั่มหล่อ บังโคลนท้ายคล้ายกับในรุ่น VTX ซึ่งเฉือนให้สั้นและรวมไฟท้ายแบบ LED เข้าไว้เป็นส่วนเดียวกัน ถังน้ำมันและเบาะนั่งมีเส้นสายสอดรับกันพอดีแบบรุ่น VTX จุดยึดแฮนด์รวมอยู่กับมาตรวัดดูแปลกไปอีกแบบ ท่อไอเสียที่สื่อถึงความทรงพลัง ช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบโปร-อาร์ม โชคอัพเดี่ยว
รุ่นต่อมาคือ T2 เป็นการรวมระหว่าง neo/retro โดยใช้บังโคลนขนาดใหญ่ ถังน้ำมันเรียวยาว ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ เฟรมแบบอลูมินั่มทวินสปาร์ และช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบโปร-อาร์มพร้อมสวิงอาร์มแบบเดี่ยว ท่อไอเสียขนาดใหญ่ออกแบบให้เข้ารูปลงตัวในแต่ละข้างของตัวรถ ช่วงล่างด้านหน้าแบบ trailing-link ไฟหน้าสองดวงในแบบโปรเจ็คเตอร์ซึ่งทำให้หน้าตาดูแตกต่างและแก๊ปด้านบนของโคม ไฟหน้าเป็นโครเมี่ยม มาตรวัดติดตั้งอยู่ตรงส่วนกลางของแฮนด์ทรงปีกนก ไฟท้ายและไฟเลี้ยวเป็นแบบ LED
มาถึงรุ่น T3 เป็นสไตล์ตัวแข่งแดร็กไบค์ให้อารมณ์เหนือกว่าครูสเซอร์ธรรมดา โดยเฉพาะสคู๊ปดักอากาศทั้งสองข้างให้อารมณ์ดิบๆ ได้ดี มุมเอียงของแกนชอคอัพหน้ามีมากขึ้น ท่อไอเสียเห็นปลายข้างละสามท่อชัดเจน บังโคลนหน้าหลังสั้นๆ เล็กๆ แฮนด์เป็นสไตล์แดร็กมาตรวัดอยู่สูงเห็นชัดเจน ยาหลังใช้ขนาดใหญ่ 230/60-16 ล้อหน้าลาย 5 ก้านพร้อมกับยึดจานเบรกเอาไว้กับขอบล้อ
สุดท้ายเป็นรุ่น T4 ซึ่งไม่เหมือนกับสามแบบแรก โดยดีไซน์ได้ดุดัน เฟรมเป็นแบบอลูมินั่มทวินสปาร์ขนาดใหญ่แบ่งออกเป็นสามส่วน สวิงอาร์มแบ่งได้เป็นสามชิ้น ส่วนการขับเคลื่อนที่ล้อหลังใช้เพลา ยางหลังอ้วนใหญ่สไตล์รถแดร็กไบค์ในขนาด 26.0 x 9.0-15
เทคโนโลยี
จากต้นแบบที่ผ่านๆ มาจนกลายมาเป็น Rune ในวันนี้ใช้เวลาอยู่นานพอสมควรซึ่งเมื่อถึงยุคนี้เทคโนโลยีใหม่ๆจึงพบได้ใน รุ่นนี้เช่นกัน ตั้งแต่การปฏิวัติช่วงล่างด้านหลังโดยนำมาจากตัวแข่งโมโตจีพี RC211V ซึ่งเป็นแบบ Unit Pro-Link และนำมาปรับในบางจุดให้เหมาะสมกับการใช้งานบนท้องถนน สำหรับช่วงล่างทางด้านหน้าเป็นแบบ Trailing Bottom-Link โดยการทำงานจะส่งแรงผ่านขึ้นมายังชอคอัพสองตัวที่ติดอยู่ด้านบนใต้แผงคอมี ระยะยุบตัว 99 มม. ระบบรองรับน้ำหนักแบบนี้มีอยู่ในต้นแบบรุ่น Zodia เป็นความก้าวหน้าอีกชิ้นที่ฮอนด้านำมาใช้กับรุ่นนี้
เครื่องยนต์ที่ใช้ยกมาจากรุ่น Gold Wing GL1800 ซึ่งเป็นแบบ 6 สูบนอนยันมีความจุกระบอกสูบ 1,832 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งให้กำลังได้ดีเหมาะสมกับสไตล์ครูสเซอร์ จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดแบบสูบใครสูบมันโดยใช้บอดี้ลิ้นปีกผีเสื้อขนาด 32 มม. ซึ่งหัวฉีดแต่ละหัวมี 12 รูฉีดพัฒนาโดยเด็นโซ่ทำให้การฉีดน้ำมันในแต่ละครั้งเป็นฝอยละเอียดช่วยให้ การเผาไหม้สมบูรณ์ทุกครั้ง วาล์วใช้สองวาล์วต่อสูบการตั้งวาล์วใช้ชิม โดยในระยะทาง 960 กม.ไม่ต้องมีการเซอร์วิสใดๆ สำหรับการตั้งวาล์วใหม่ครั้งแรกทำที่ระยะทาง 51,200 กม. กรองอากาศขนาดใหญ่มีความจุถึง 6.9 ลิตรซึ่งอากาศที่ผ่านเข้าไปสะอาด และมีปริมาณเพียงพอ กับความต้องการของเครื่องยนต์ จุดยึดเครื่องยนต์ออกแบบให้มีความแข็งแรงสำหรับเครื่องยนต์ F6 ส่วนของฝาสูบสวยงาม |
สภาพและหลายๆ ระดับอุณหภูมิ ท่อไอเสียแบบ 6–2 ออกแบบให้เข้ารูปลงตัว และสุ้มเสียงเร้าใจ คลัทช์แบบไฮดรอลิค ระบบจุดระเบิดอิเล็คทรอนิคส์ และโซ่แคมชาฟท์ซึ่งออกแบบให้ลดการเซอร์วิสลงไปได้มาก อัลเตอร์เนเตอร์มีกำลังสูงถึง 1,100 วัตต์เพียงพอที่จะจ่ายไฟให้กับทุกระบบ การส่งกำลังใช้เกียร์ 5 สปีดในอัตราทดแบบโคลสเรโช และค่าไอเสียที่ออกมาอยู่ในระดับต่ำสามารถผ่านได้แม้ในมาตรฐานของรัฐแคลิ ฟอร์เนีย
ระบบความปลอดภัยฮอนด้าใช้ระบบ H.I.S.S (Honda Ignition Security System) เพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ฮอนด้าได้เพิ่มความสวยงามด้วยโครเมี่ยมในส่วนต่างๆเช่น แม่ปั๊มเบรกหน้า สายเบรก วงล้อและฝาครอบเครื่องยนต์ ไฟหน้าใช้หลอด H7 มีกำลัง 55 วัตต์ ไฟท้ายแบบ LED อยู่ในรูปทรงตั้งเข้ารูปกับบังโคลนท้ายเป็นดีไซน์ที่ดูแตกต่างไปจากเดิมๆ
นับว่า Honda Rune เป็นอีกไลฟสไตล์ของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ประเภทท่องเที่ยวทางไกล ซึ่งคิดว่าน่าจะถูกใจ โดยเฉพาะทางฝั่งยุโรป ซึ่งดูแล้วน่าจะสมส่วนกับตัวรถ แต่จะว่าไปสภาพภูมิประเทศเส้นทางขับขี่ท่องเที่ยวรถจักรยานยนต์บ้านเราก็ เหมาะกับ Honda Rune เหมือนกัน อยากลองสัมผัสซักครั้งจริงๆ เพื่อนๆคิดเหมือนกันหรือปล่าวครับ……
ข้อมูลจำเพาะ
โมเดล | NRX1800 |
เครื่องยนต์ | 6 สูบนอน SOHC 2 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ |
ความจุกระบอกสูบ | 1,832 ซีซี. |
ความกว้าง x ระยะชัก | 74x71 มม. |
อัตราส่วนกำลังอัด | 9.8:1 |
การจ่ายน้ำมัน | PGM-FI |
เกียร์ | 5 สปีด |
ระบบขับเคลื่อน | เพลา |
ช่วงล่างหน้า | Trailing bottom-link มีระยะยุบตัว 99 มม. |
ช่วงล่างหลัง | Unit Pro-Link ช้อคอัพเดี่ยว มีระยะยุบตัว 99 มม. |
เบรกหน้า | ดิสค์จานคู่ขนาด 330 มม. คาลิเปอร์แบบ 3 ลูกสูบ |
เบรกหลัง | ดิสค์ ขนาด 336 มม. คาลิเปอร์แบบ 2 ลูกสูบ |
ระยะห่างดุมล้อ | 1,750 มม. |
ความสูงถึงเบาะ | 690 มม. |
|